ทำความเข้าใจเกี่ยวกับพระคัมภีร์ตอนที่ 3: ลำดับศักดิ์สิทธิ์

ตัวเลขโครงสร้างของการพูด

ตัวเลขของการพูดเป็นวิทยาศาสตร์ไวยากรณ์ที่ถูกต้องตามกฎหมายซึ่งได้รับการบันทึกไว้อย่างกว้างขวางว่าพวกเขาทำงานในรูปแบบที่แม่นยำอย่างไร

มีพระคัมภีร์มากกว่า 200 ชนิดที่แตกต่างกัน

จุดประสงค์ของพวกเขาคือเพื่อเน้นสิ่งที่พระเจ้าต้องการเน้นในคำพูดของเขาโดยจงใจออกจากกฎมาตรฐานของไวยากรณ์ในรูปแบบเฉพาะที่ดึงดูดความสนใจของเรา

เราคือใครที่จะบอกพระเจ้า ผู้เขียน จากคำพูดของเขาสิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาคืออะไร?

เพลงสดุดี 138
1 ข้าพระองค์จะสรรเสริญพระองค์ด้วยสิ้นสุดใจของข้าพระองค์ข้าพระองค์จะร้องเพลงสรรเสริญพระองค์ต่อหน้าบรรดาพระ
2 ข้าจะนมัสการพระวิหารศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์และสรรเสริญพระนามของพระองค์เพราะความเมตตาและความจริงของเจ้า: เจ้าขยายคำพูดของเจ้าเหนือทุกชื่อของเจ้า

ตัวเลขการพูดเป็นหนึ่งในกุญแจที่มีเอกลักษณ์และทรงพลังในการทำความเข้าใจพระคัมภีร์ในระดับใหม่ทั้งหมด

มีคนสอนตัวเลขการพูดได้กี่คน!

โครงสร้างของการพูดให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับหนังสือพระคัมภีร์ทั้งเล่มเนื่องจาก:

• การออกแบบที่แม่นยำแม่นยำและสมมาตร
• การโต้ตอบที่สมบูรณ์แบบของพวกเขาของคำแนวคิดและข้อพระเจ้า
• ความเข้าใจที่มากขึ้นสามารถเป็นของฉันได้
• ถ้าฉันถวายเกียรติแด่พระเจ้าเพราะมันคือทั้งหมดของเจ้า

ด้านล่างเป็นตัวอย่างของรูปแบบโครงสร้างของการพูดที่เรียกว่าอินโทรวิชันและการนำไปใช้กับหนังสือของดาเนียลและคัมภีร์ที่ไม่มีหลักฐานได้อย่างไร

หากใครเพิ่มหรือลบออกจากหนังสือของแดเนียลการเปลี่ยนแปลงจะชัดเจนทันทีทำลายลำดับความสูงสมมาตรและความหมายของพระวจนะของพระเจ้า

การแปล: มันเป็นเครื่องตรวจจับ BS ที่ยอดเยี่ยม!

นี่เป็นเพียงหนึ่งในหลาย ๆ เหตุผลที่ฉันไม่เชื่อว่าหนังสือที่หายไปของพระคัมภีร์ [apocrypha] ได้รับแรงบันดาลใจจากพระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียว

นอกจากนี้การเพิ่มข้อในพระคัมภีร์ที่ขัดแย้งกับพระวจนะของพระเจ้าและเป็นหนึ่งในความผิดพลาดที่อีฟทำซึ่งทำให้เกิดการตกสู่บาปของมนุษย์

เฉลยธรรมบัญญัติ 4: 2
เจ้าจะไม่เพิ่มเข้าไปในคำซึ่งเราบัญชาเจ้าและเจ้าอย่าย่อหย่อนสิ่งใดจากสิ่งนี้เพื่อเจ้าจะรักษาพระบัญญัติของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้าซึ่งเราบัญชาเจ้าไว้

วิวรณ์ฮิต
เราจะเป็นพยานแก่ทุกคนที่ฟังคำพยากรณ์ในหนังสือม้วนนี้ว่าถ้าผู้ใดเพิ่มสิ่งเหล่านี้พระเจ้าจะทรงเพิ่มภัยพิบัติในหนังสือม้วนนี้แก่เขา
ถ้าผู้ใดจะลบถอนคำในหนังสือพยากรณ์พยากรณ์นี้พระเจ้าจะทรงเอาพระพิโรธของพระองค์ออกไปจากหนังสือแห่งชีวิตและออกจากเมืองบริสุทธิ์และจากสิ่งที่เขียนไว้ในหนังสือม้วนนี้

ทำตัวเลขนับ?

ในบทความก่อนหน้านี้เราได้พูดถึงวิธีการต่าง ๆ ในการนับจำนวนหนังสือในพระคัมภีร์ที่มีและถึง 56 เป็นจำนวนที่ถูกต้องทางวิญญาณและตัวเลข

ด้วยระบบการนับแบบใหม่แม้ว่าปฐมกาล - ยอห์นจะยังคงมีจำนวนหนังสือเท่ากับพันธสัญญาเดิม [ปฐมกาล - มาลาคี: 39] แต่ก็มีมุมมองใหม่ทั้งหมดที่นี่

เริ่มจากข้อเท็จจริงที่ว่าพระเยซูคริสต์ประสูติภายใต้ธรรมบัญญัติ

4 กาลาเทีย
4 แต่เมื่อครบกำหนดเวลาแล้วพระเจ้าส่งบุตรชายของเขาออกมาให้กำเนิดบุตรหญิงเกิดมาตามกฎหมาย
5 เพื่อไถ่พวกเขาที่อยู่ภายใต้กฎหมายเพื่อเราจะได้รับบุตรบุญธรรม

แมทธิว 5: 17
อย่าคิดว่าฉันมาเพื่อทำลายกฏหมายหรือผู้เผยพระวจนะ: ฉันไม่ได้มาเพื่อทำลาย แต่เพื่อเติมเต็ม

ดังนั้นในขณะที่พระเยซูคริสต์อยู่ที่นี่บนโลกพระองค์ยังคงอยู่ในกระบวนการปฏิบัติตามกฎหมายในพันธสัญญาเดิมซึ่งยังไม่สมบูรณ์จนกว่าพระองค์จะเสด็จสู่สวรรค์

หลังจาก 39 ปีอะไร

ในทางเทคนิคแล้วบทที่ 1 ของกิจการยังคงเป็นพันธสัญญาเดิมเพราะพระเยซูคริสต์ยังอยู่บนโลกที่ทำสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เขาต้องทำก่อนที่เขาจะขึ้นสู่สรวงสวรรค์

บทที่ 2 เป็นจุดเริ่มต้นของการบริหารพระคัมภีร์ใหม่การบริหารของพระคุณวันเพนเทคอสต์ในปี 28AD

อย่างไรก็ตามในทางปฏิบัติความจริงของชาวโรมัน - เธสะโลนิกาไม่ได้ถูกเปิดเผยจนกระทั่งหลายสิบปีต่อมาและหนังสือเล่มสุดท้ายของพระคัมภีร์ [การเปิดเผย] ไม่ได้เขียนจนถึง 90AD-100AD

ดังนั้นในหลักคำสอนและการปฏิบัติทาสหลายศตวรรษภายใต้กฎหมาย OT ยังคงแข็งแกร่งในหนังสือกิจการพร้อมกับหลักคำสอนใหม่และการปฏิบัติของพระคุณโดยอัครสาวก

40 = 39 หนังสือในพันธสัญญาเดิมแท้ + 1 หนังสือเกี่ยวกับการนำส่งหรือสะพานเชื่อมระหว่างพันธสัญญาเดิมกับพันธสัญญาใหม่หนังสือกิจการ

EW Bullinger เขียนใน # 40:“ เป็นผลคูณของ 5 และ 8 และชี้ไปที่การกระทำของพระคุณ (5) ซึ่งนำไปสู่และสิ้นสุดด้วยการฟื้นฟูและการต่ออายุ (8) นี่เป็นกรณีที่สี่สิบเกี่ยวข้องกับช่วงเวลาของการถูกคุมประพฤติที่ชัดเจน”

จอห์น 1: 17
กฎหมายได้รับจากโมเสส แต่พระคุณและความจริงมาโดยพระเยซูคริสต์

ความจริงอันยิ่งใหญ่เหล่านี้ได้รับการยืนยันในความหมายที่น่าทึ่งของชื่อหนังสือเล่มที่ 1 และ 39 ของพระคัมภีร์: ปฐมกาลและยอห์น

Genesis หมายถึง“ การสร้าง; การสร้าง; จุดเริ่มต้น; ต้นกำเนิด” โดยที่ตัวตนของพระเยซูคริสต์คือเมล็ดพันธุ์ที่สัญญาไว้จุดเริ่มต้นของความหวังที่แท้จริงของมนุษยชาติ

ตามพจนานุกรมชื่อในพระคัมภีร์ฉบับย่อชื่อยอห์นหมายถึง“ พระยะโฮวาทรงกรุณา พระยะโฮวาประทานด้วยความกรุณา” และตัวตนของพระเยซูคริสต์ในพระกิตติคุณยอห์นคือบุตรของพระเจ้าผู้ทรงนำพระคุณและความจริงที่นำไปสู่การบริหารพระคุณ

ภาพรวมของตัวตนของพระเยซูคริสต์ในพระคัมภีร์:

• OT - เริ่มต้นด้วยเมล็ดพันธุ์ที่สัญญาไว้ในปฐมกาล
• OT - ลงท้ายด้วยบุตรของพระเจ้าในยอห์น
• สะพาน - การกระทำคือการเปลี่ยนแปลงระหว่าง OT & NT - ของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์
• NT - เริ่มต้นด้วยเหตุผลของผู้เชื่อในชาวโรมัน
• NT - ลงท้ายด้วยราชาแห่งราชาและลอร์ดออฟลอร์ดในวิวรณ์

แน่นอนพระเจ้าทรงส่งมอบสัญญาที่สมบูรณ์แบบของเขา!

56 - 40 = 16 เล่มของพระคัมภีร์ด้านซ้าย: โรม - วิวรณ์

16 = 8 [การเริ่มต้นใหม่และการฟื้นคืนชีพ] x 2 [การจัดตั้ง]

ดังนั้นพันธสัญญาใหม่ที่แท้จริงจึงเป็นการเริ่มต้นใหม่ที่ยืนยันความหมายของ 40 ซึ่งนำเราไปสู่ความสง่างามและการต่ออายุ

นอกจากนี้ 16 = 7 + 9

เหมาะสมเพียงใดที่จะเปิดพันธสัญญาใหม่ที่บริสุทธิ์ด้วยความสมบูรณ์ทางวิญญาณของหนังสือโรม 7 เล่ม - เธสะโลนิกาหนังสือเล่มแรกของพระคัมภีร์ที่เขียนถึงสมาชิกในพระกายของพระคริสต์โดยตรง

9 คือจำนวนการตัดสินและขั้นสุดท้าย

หนังสือกลุ่มสุดท้ายนี้มี 9 เล่มที่ลงท้ายด้วยวิวรณ์หนังสือเล่มที่ 9 ในซีรี่ส์ที่เรามี สุดท้าย คำตัดสิน ของมนุษยชาติทั้งหมด

นอกจากนี้ยังเป็นวันที่ 7 และ สุดท้าย การบริหารเวลาตามพระคัมภีร์ในช่วงเวลาที่เรามีสวรรค์และโลกใหม่ที่มี แต่ความชอบธรรมเท่านั้น

พระเยซูคริสต์พระบุตรของพระเจ้า

John 20
30 พระเยซูทรงกระทำหมายสำคัญอื่น ๆ อีกหลายประการต่อหน้าเหล่าสาวกของพระองค์ซึ่งไม่ได้เขียนไว้ในหนังสือเล่มนี้
31 แต่เขียนไว้เพื่อว่าท่านจะเชื่อได้ว่าพระเยซูคือพระคริสต์พระบุตรของพระเจ้า และเพื่อให้เชื่อว่าเจ้าจะมีชีวิตโดยพระนามของพระองค์

ยอห์น 20: 30 & 31 ประกอบด้วยรูปสัญลักษณ์ของคำพูดซึ่งเป็นบทสรุปโดยย่อ

[นอกจากนี้ยังใช้ในตอนท้ายของส่วนที่ไม่ซ้ำกัน 8 ส่วนในหนังสือกิจการ, ผสมผสานแนวคิดในพระคัมภีร์ไบเบิลที่ผูก epistles ของโบสถ์ทั้ง 7 ไว้ด้วยกันในพรมจิตวิญญาณอันงดงาม].

เป็นเรื่องน่าขันที่หนังสือพระคัมภีร์ที่เขียนขึ้นโดยเฉพาะเพื่อจุดประสงค์นี้เป็นหนังสือเล่มเดียวกันที่มักอ้างถึงบ่อยที่สุดเพื่อพิสูจน์ว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระเจ้าพระบุตรซึ่งเป็นวลีที่ไม่เคยเกิดขึ้นในพระคัมภีร์

ในใจของคุณซูมออกเพื่อดูทั้งพระคัมภีร์

จากมุมมองนี้เราสามารถเห็นบทสรุปและข้อความสรุปนี้ในยอห์นจากมุมมองใหม่

เราสามารถนำไปใช้กับปฐมกาลได้ด้วย - ยอห์นตอนนี้เพราะใกล้ถึงจุดสิ้นสุดของพระกิตติคุณยอห์นซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดของพันธสัญญาเดิมที่แท้จริง

ลองนำข้อมูลใหม่นี้ไปใช้กับพันธสัญญาเดิมและนำไปทดลองขับ!

• In แหล่งกำเนิดพระเยซูคริสต์ทรงเป็นเชื้อสายที่สัญญาไว้ซึ่งเป็นบุตรของพระเจ้า
• In พระธรรมเขาเป็นลูกแกะปัสกาลูกชายคนเดียวที่ถือกำเนิดของพระเจ้าซึ่งถูกบูชายัญเพื่อเรา >>จอห์น 1: 36 และเมื่อมองดูพระเยซูขณะที่เดินเขาพูดว่า "ดูลูกแกะของพระเจ้า"
• In ผู้พิพากษาเขาคือทูตสวรรค์แห่งพันธสัญญาชื่อวิเศษ สำหรับข้อที่เป็นปัญหาในผู้พิพากษาคำว่า "ทูตสวรรค์" เป็นคำภาษาฮีบรู malak [Strong's # 4397] และหมายถึงผู้ส่งสาร จอห์น 8: 26 "ฉันมีหลายสิ่งที่จะพูดและตัดสินคุณ แต่ผู้ที่ส่งฉันมานั้นเป็นเรื่องจริง และฉันพูดกับโลกนี้ถึงสิ่งที่ฉันได้ยินจากเขา". หนังสือยอห์นทั้งเล่มเน้นพระเยซูคริสต์ในฐานะบุตรของพระเจ้า ไม่มีใครพูดแทนและเป็นผู้ส่งสารของพระเจ้าได้ดีไปกว่าลูกชายคนเดียวที่ถือกำเนิดของเขาซึ่งเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบซึ่งทำตามความประสงค์ของพ่อ เป็นเรื่องน่าสนใจที่จะสังเกตความคล้ายคลึงกันระหว่างผู้พิพากษา 13 และยอห์น - กิจการ ในผู้วินิจฉัยที่ 13 มาโนอาห์ [บิดาของแซมซั่น] ได้ถวายเครื่องสัตวบูชาแด่พระเจ้าผู้ทรงกระทำการมหัศจรรย์และทูตสวรรค์ก็ถูกพาขึ้นไปบนสวรรค์ท่ามกลางเปลวเพลิง พระเยซูคริสต์ได้ถวายตัวเป็นเครื่องบูชาแด่พระเจ้าทรงเสด็จขึ้นสู่สวรรค์และ 10 วันต่อมาเป็นวันเพ็นเทคอสต์ลิ้นเหมือนไฟที่ผู้คนจะได้บังเกิดใหม่และมีพระคริสต์อยู่ภายใน คำ "ยอดเยี่ยม" ในผู้พิพากษา [ในการอ้างอิงถึงผู้ส่งสารพระเยซูคริสต์] มาจากรากศัพท์ภาษาฮีบรูคำว่า Pala [Strong's # 6381] และหมายความว่าเหนือกว่าหรือไม่ธรรมดา วิธีที่เหมาะสม เอเฟซัส 3: 19 "และการรู้จักความรักของพระคริสต์ซึ่งผ่านความรู้เพื่อท่านจะได้รับความบริบูรณ์ทั้งหมดของพระเจ้า". คำว่า "passeth" เป็นคำภาษากรีก huperballo [Strong's # 5235] และเปรียบเปรยว่าเหนือกว่าหรือเหนือกว่า
• In การสัมภาษณ์ 9:33เขาเป็นคนเก็บ; ตามคำจำกัดความนี่เป็นคนกลาง 1 ทิโมธี 2: 5 “ เพราะว่ามีพระเจ้าองค์เดียวและเป็นสื่อกลางระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์องค์เดียวคือพระคริสต์เยซู”; ฮีบรู 8: 6 “ แต่ตอนนี้เขาได้รับพันธกิจที่ยอดเยี่ยมมากขึ้นโดยเขาเป็นคนกลางของพันธสัญญาที่ดีกว่าซึ่งตั้งขึ้นตามคำสัญญาที่ดีกว่า” บันทึกนี้ในฮีบรู 8 อยู่ในบริบทที่ว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นมหาปุโรหิตซึ่งพระองค์จะเป็นไม่ได้เว้นแต่พระองค์จะเป็นพระบุตรหัวปีของพระเจ้า

• In คร่ำครวญเขาคือการตัดสินของผู้ไม่เชื่อ ในฐานะบุตรหัวปีของพระเจ้าเขามีอำนาจในการพิจารณาคดีทั้งหมดของพระเจ้าบิดาของเขา จอห์น 5: 22 “ เพราะพระบิดามิได้ทรงพิพากษาผู้ใด แต่ทรงตัดสินลงโทษพระบุตรทั้งหมด”:
• In โฮเชยาเขาเป็นฝนหลัง
• โฮเชีย 6
• 2“ หลังจากนั้นสองวันเขาจะชุบชีวิตเรา: ใน วันที่สาม เขาจะยกเราขึ้นและเราจะอยู่ในสายตาของเขา
• 3 ถ้าอย่างนั้นเราก็จะรู้ว่าถ้าเราไปรู้จักพระเจ้าเขาจะออกเดินทางพร้อมแล้ว ตอนเช้า; และเขาจะมาหาเราเหมือนสายฝนเหมือนฝนที่ผ่านมาและในอดีตมาสู่โลก”

พระเยซูคริสต์ได้รับการปลุกให้เป็นขึ้นมาใหม่ วันที่สาม และเขายังเรียกว่าความสว่างและ ดาวรุ่ง.

โฮเชีย 10: 12
จงหว่านความชอบธรรมในตัวของท่านจงเก็บเกี่ยวด้วยความเมตตา ทำลายพื้นดินที่รกร้างของคุณเพราะถึงเวลาแล้วที่จะต้องแสวงหาพระเจ้าจนกว่าเขาจะมาและฝนความชอบธรรมให้คุณ

โรแมนติก 5: 12
ว่าบาปได้ครอบงำทำให้ถึงตายฉันใดพระคุณก็ครอบงำด้วยความชอบธรรมให้ถึงชีวิตนิรันดร์โดยพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา

1 โรมัน
3 เกี่ยวกับพระบุตรของพระองค์พระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราผู้ทรงสร้างเชื้อสายของดาวิดตามเนื้อหนัง
4 และ ประกาศให้เป็นบุตรของพระเจ้า ด้วยอำนาจตามวิญญาณแห่งความบริสุทธิ์โดยการฟื้นคืนชีพจากความตาย:

สองครั้งใน 2 ข้อชาวโรมันกล่าวถึงพระเยซูคริสต์บุตรของพระเจ้า

แน่นอนว่าพระเจ้าได้ระบายความชอบธรรมเข้ามาในชีวิตของเราผ่านงานที่เสร็จสมบูรณ์ของพระเยซูคริสต์ฝนหลังในโฮเชยา

ฉันยังไม่มีเวลาวิเคราะห์หนังสือพันธสัญญาเดิมทั้งหมด แต่จนถึงตอนนี้ทุกเล่มที่ฉันมองว่าเหมาะสมกับการที่พระเยซูคริสต์ทรงเป็นบุตรของพระเจ้า

การตรัสรู้ด้วยการสำแดงของพระวิญญาณบริสุทธิ์ 9 ประการ

ด้านล่างเป็นตัวอย่างของพระเยซูคริสต์ที่ใช้อำนาจและสิทธิอำนาจเหนือศัตรูในสภาพแวดล้อมที่มักจะเข้าใจผิดว่าเป็นหลักฐานของเทวดาของเขา

มาเจาะลึกการเปลี่ยนแปลงทางจิตวิญญาณเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นและทำไม ...

ทำเครื่องหมาย 4
35 ในเย็นวันนั้นเมื่อถึงเวลาเย็นพระองค์ตรัสกับเขาว่า "ให้เราข้ามไปอีกฟากหนึ่ง"
36 และเมื่อเขาส่งประชาชนไปเขาก็พาพระองค์ไปอย่างที่เขาอยู่ในเรือ และมีเรือเล็ก ๆ อีกลำหนึ่งอยู่กับเขาด้วย
37 มีพายุใหญ่เกิดขึ้นและคลื่นก็ซัดเข้าไปในเรือจนตอนนี้ก็เต็มแล้ว
38 และเขาอยู่ในส่วนกำปั่นของเรือหลับอยู่บนหมอนเขาก็ตื่นขึ้นแล้วพูดกับเขาว่า "อาจารย์เจ้าข้าท่านไม่สนใจเราหรือ
39 พระองค์ทรงลุกขึ้นแล้วห้ามลมและตรัสกับทะเลว่า "สันติภาพจงนิ่งเสีย" ลมหยุดและมีความสงบเงียบมาก
40 พระองค์จึงตรัสแก่เขาว่า "ทำไมท่านกลัวอย่างนี้ ทำไมพวกเจ้าจึงไม่ศรัทธา
41 และพวกเขาก็กลัวยิ่งนักและพูดกันว่า "นี่เป็นลักษณะของมนุษย์อย่างนั้นแม้แต่ลมและทะเลก็เชื่อฟังเขา"

ฉันเคยได้ยินคริสเตียนหลายคนพูดว่าไม่มีใครมีอำนาจที่จะทำให้พายุในทะเลสงบลงได้และมีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่ทำสิ่งนี้ได้ดังนั้นพระเยซูจึงต้องเป็นพระเจ้า

ที่จริงมีเคอร์เนลของตรรกะและความจริงตรงนี้ ไม่มีมนุษย์ธรรมดา สามารถสงบพายุบนทะเลได้ตามที่พระเยซูคริสต์ทรงทำ

มนุษย์ตามธรรมชาติคือบุคคลที่ประกอบด้วยร่างกายเท่านั้นและมีวิญญาณที่เคลื่อนไหวร่างกายดังนั้นเราทุกคนเกิดมาเป็นชายและหญิงตามธรรมชาติ

I โครินธ์ 2: 14
แต่มนุษย์ธรรมดาไม่รับสิ่งซึ่งอยู่ในพระวิญญาณของพระเจ้าเพราะเขาเป็นคนโง่เขลาต่อพระองค์ไม่สามารถเข้าใจสิ่งเหล่านั้นได้เพราะเห็นว่าเป็นสิ่งฝ่ายวิญญาณ

การตีความข้อที่ผิดพลาดของทรินิเทียใน Mark 4 ขึ้นอยู่กับการไม่รู้ถึงการสำแดงของพระวิญญาณบริสุทธิ์ 9 ประการและวิธีการทำงานและความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างร่างกายวิญญาณและวิญญาณ

สิ่งนี้สามารถนำจิตใจของคน ๆ หนึ่งไปสู่ข้อสรุปที่ผิดพลาดและแปลกประหลาดบางอย่างเช่นพระเยซูที่เรียกว่ามนุษย์ 44 ครั้งในพระคัมภีร์แท้จริงแล้วเป็นพระเจ้าเอง

มีเพียงครั้งเดียวที่คน ๆ หนึ่งสามารถกลายเป็นพระเจ้าได้ในประเภทของเทพนิยายซึ่งเป็นรูปเคารพและไม่ใช่ความจริง

เห็นได้ชัดว่าชาวไตรนิทาเรียถูกศัตรูตาบอดต่อความจริงของมาระโก 4:41 เมื่อกล่าวว่า“ ลักษณะใดของ MAN นี่คือ” …ซึ่งหักล้างเทพของพระเยซูอย่างเด็ดขาดด้วยคำจำกัดความเพียงอย่างเดียว

พระเยซูคริสต์สามารถทำให้พายุสงบลงโดยใช้การสำแดงของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่มีต่อเขาก่อนวันเพ็นเทคอสต์ใน 28A:

• คำพูดของความรู้
• คำพูดของภูมิปัญญา
• ฉลาดของวิญญาณ
• ศรัทธา [เชื่อ]
• มิราเคิล
• ของขวัญของการรักษา

จอห์น 3: 34
เพราะว่าผู้ที่พระเจ้าทรงใช้มานั้นทรงกล่าวพระวจนะของพระเจ้าเพราะพระเจ้าไม่ทรงประทานพระวิญญาณอย่าง จำกัด แด่พระองค์

พระเยซูคริสต์ทรงรับของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์บนเขาอย่างไร้ขอบเขตโดยไม่มีข้อ จำกัด ใด ๆ เช่นเดียวกับผู้พยากรณ์คนอื่น ๆ ในโอที สิ่งนี้และการดำเนินการอธิบายว่าทำไมพระเยซูคริสต์สามารถทำสิ่งอัศจรรย์มากมาย

สิ่งอื่น ๆ ที่เท่าเทียมกันคำอธิบายที่ง่ายที่สุดดีที่สุด

การสำแดงของพระวิญญาณบริสุทธิ์มีรายชื่ออยู่ใน 12 โครินธ์ 3 [+ อีก XNUMX รายการที่ไม่มีในระหว่างการปฏิบัติศาสนกิจของพระเยซูคริสต์] ซึ่งแปลผิดและเข้าใจผิดว่า ของขวัญแห่งวิญญาณ.

I โครินธ์ 12
ตอนนี้เกี่ยวกับเรื่องจิตวิญญาณ ของขวัญ, พี่น้อง, ฉันจะไม่ให้คุณโง่เขลา
7 แต่การสำแดงพระวิญญาณแต่ละคนจะได้รับประโยชน์
8 เพราะว่าพระวิญญาณได้ประพฤติตามพระสติปัญญา อีกนัยหนึ่งความรู้โดยพระวิญญาณองค์เดียวกัน
ความศรัทธาอื่นโดยพระวิญญาณองค์เดียวกัน ไปยังอีกของขวัญแห่งการรักษาโดยพระวิญญาณองค์เดียวกัน
10 อีกการทำงานของปาฏิหาริย์; คำพยากรณ์อื่น คนอื่นฉลาด ไปยังอีกหลายภาษาแปลกปลอม; ถึงการตีความภาษาอื่น:
11 แต่สิ่งเหล่านี้กระทำให้คนทั้งปวงและพระวิญญาณผู้ทรงพระวิญญาณทรงโปรดประทานแก่ทุกคนอย่างเข้มงวดตามที่พระองค์ทรงประสงค์

สมมติว่าพวกเขา เป็น ของขวัญและพระเจ้าให้คุณ 4 ชิ้นเพราะคุณพิเศษสุด ๆ เขาให้คนอื่น 2 คน แต่ไม่ได้ให้ฉันเลยเพราะฉันเป็นคนขี้เหวี่ยงเพื่อพระเยซูมาตลอดชีวิต

โอ้นั่นเป็นวิธีที่คุกกี้ทางจิตวิญญาณสลายใช่มั้ย?

มีปัญหาหลายประการเกี่ยวกับการสอนทั่วไปและความเชื่อที่ผิด ๆ

ก่อนอื่นเลยใน 12 โครินธ์ 1: XNUMX คำว่า “ ของขวัญ” เป็นตัวเอียงซึ่งหมายความว่าผู้แปลรุ่น King James กำลังบอกเราล่วงหน้า พวกเขาเพิ่มคำนี้ลงในพระคัมภีร์เมื่อมันไม่ได้มีอยู่ในต้นฉบับคัมภีร์ไบเบิลที่แปลมา!

The Codex Sinaiticus สำเนาที่สมบูรณ์ที่สุดของพันธสัญญาใหม่กรีกย้อนหลังไปถึงศตวรรษที่ 4 แปลบทกวีนี้ดังนี้:

I โครินธ์ 12: 1
แต่เกี่ยวกับสิ่งฝ่ายวิญญาณพี่น้องทั้งหลายฉันไม่ต้องการให้คุณงมงาย

บทความพระคัมภีร์โบราณอื่น ๆ อีกมากมายยืนยันการแปลที่ถูกต้องนี้

ประการที่สองถ้าคุณอ่าน I โครินธ์ 12 ข้อ 7 ไม่อาจโต้แย้งได้และระบุชัดเจนว่าเรากำลังพูดถึง การสำแดง ของวิญญาณและ ไม่ ของขวัญ:“ แต่ การสำแดง ของพระวิญญาณประทานให้มนุษย์ทุกคนได้รับผลกำไร”

นี่นำเราไปสู่จุดที่สาม

หากคุณค้นหาคำจำกัดความของคำหลาย ๆ คำในส่วนนี้ในภาษากรีกและใช้กฎพื้นฐานของไวยากรณ์คุณจะเห็นว่าที่ที่มีคำว่า "To another" ไม่ได้หมายถึงบุคคลอื่น แต่หมายถึงผลกำไรหรือผลประโยชน์ที่ไม่เหมือนใคร

ประเด็นที่สี่คือความคิดที่ว่าการสำแดงเป็นของขวัญนั้นขัดแย้งกับข้อพระคัมภีร์หลายข้อ ข้อนี้เป็นการกระทำเพียงข้อเดียว

ถ้าพระเจ้าให้คุณ 4 มีคนอื่น 2 คนและไม่มีฉันนั่นทำให้พระเจ้ามีความผิดในเรื่องการเล่นพรรคเล่นพวกหรือที่รู้จักกันว่าเป็นคนที่น่านับถือ

กิจการ 10: 34
เปโตรจึงเปิดปากของตนขึ้นตรัสว่า "ในความจริงข้าพเจ้าเข้าใจว่าพระเจ้ามิได้ทรงนับถือผู้ใด

พวกเขาต้องเชื่อว่าสามารถทำได้นั่นคือพระประสงค์ของพระเจ้าและได้รับการสอนว่าทำได้อย่างไร

เหตุผลข้อที่ 5 คือดูผลที่ตามมา

แมทธิว 7: 20
เหตุฉะนั้นด้วยผลของพวกเขาพวกท่านจะได้รู้จักพวกเขา

หากพระเจ้าปฏิบัติเล่นพรรคเล่นพวกในการให้ของขวัญที่เรียกว่าจิตวิญญาณแบบผิด ๆ คุณก็ไม่จำเป็นต้องเป็นนักวิทยาศาสตร์จรวดเพื่อดูว่าความเชื่อนี้สามารถก่อให้เกิดความสงสัยความสับสนความขัดแย้งและสิ่งที่ไม่เคารพนับถือได้ทั้งหมด

เหตุผลข้อที่ 6 คือดูว่าใครได้ประโยชน์จากการสอนนี้!

ถ้าฉันเชื่อว่าพระเจ้าให้ของกำนัลจากภาษาแปลก ๆ ฉันก็แค่ใช้ของกำนัล 1 ใน 9 ของของขวัญ = 11% ของพลังของพระเจ้า

สิ่งนี้ขัดขวางวัตถุประสงค์ของพระเจ้าและเป็นประโยชน์ต่อมารเทพของโลกนี้

"ของประทาน" ของการสอนวิญญาณนี้พ่ายแพ้อย่างเด็ดขาดโดยไม่มี:

• ความคิดเห็นส่วนตัว
• ทฤษฎีเทววิทยาที่ซับซ้อนและสับสน
• อคติทางศาสนา

มารกลัวที่เราจะเตะก้นของเขาด้วยทรัพยากรทั้งหมดของพระเจ้าพระเจ้ายิ่งใหญ่ในการแข่งขันทางจิตวิญญาณนั่นคือเหตุผลที่คำสอนนี้มาถึง

6 เอเฟซัส
ในที่สุดพี่น้องทั้งหลายของข้าพเจ้าจงเข้มแข็งในองค์พระผู้เป็นเจ้าและด้วยฤทธิ์เดชของพระองค์
11 จงสวมยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้าที่พวกเจ้าอาจจะไม่สามารถที่จะต่อต้านยุทธอุบายของพญามาร
เราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือด แต่ต่อสู้กับแผ่นดินใหญ่มีอำนาจเหนือผู้ปกครองแห่งความมืดในโลกนี้เพื่อความชั่วร้ายร้ายแรงในปูชนียสถานสูง
13 เหตุฉะนั้นจงยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้าว่าท่านอาจจะไม่สามารถที่จะทนต่อในวันอันชั่วร้ายและเมื่อเสร็จแล้วจะยืน
14 ยืนจึงมีเอวของคุณ Girt เกี่ยวกับความจริงและมีต่อทับทรวงแห่งความชอบธรรม;
15 และหุ้มเท้าของคุณกับการจัดทำพระกิตติคุณของสันติภาพ;
16 เหนือสิ่งอื่นใดการโล่ของความเชื่อนั้นท่านจะได้ดับลูกศรเพลิงของคนชั่ว
17 และใช้หมวกกันน็อกของความรอดและดาบของพระวิญญาณคือพระวจนะของพระเจ้า
18 จงสวดอ้อนวอนเสมอกับการสวดอ้อนวอนและการวิงวอนในพระวิญญาณตลอดเวลาและเฝ้าดูด้วยความเพียรและการวิงวอนเพื่อสิทธิชนทุกคน